Chalita and Associates Lawyer Office v1.4.3
083-691-4990
line@lawyerbefair
lawyerbefair@gmail.com
line@lawyerbefair
083-691-4990
โดย ทนายชลิตา หนูพลัด

พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1)

มาตรา 14 วรรคหนึ่ง "ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา"


ความผิดตาม มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) มีองค์ประกอบความผิด ดังนี้

1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

2) ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

3) โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

4) อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

5) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง

6) โดยเจตนา

จะต้องครบทุกองค์ประกอบความผิด 1) - 6) จึงจะเป็นความผิดตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) หากขาดข้อใดข้อหนึ่ง ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 14 วรรหนึ่ง (1)


นิยาม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มาตรา 3

ระบบคอมพิวเตอร์ หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางการปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ

ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่คอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย



1) การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ คืออะไร ?

การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึง การดาวน์โหลด(Download) และการอัปโหลด(Upload)

  • การดาวน์โหลด (Download) คือ การถ่ายโอนข้อมูลคอมพิวเตอร์ (ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่คอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์) โดยการดึงข้อมูลคอมพิวเตอร์จากแหล่งจัดเก็บหนึ่งนำเข้าไปบันทึกหรือลงในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ดาวน์โหลด (อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางการปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ)
  • การอัปโหลด (Upload) คือ การถ่ายโอนข้อมูลคอมพิวเตอร์จากระบบคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย ไปเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่าย โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ส่วนใหญ่เป็นการอัปโหลดข้อมูลคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแล้วส่งหรือเผยแพร่ให้กับบุคคลหรือประชาชนโดยทั่วไป

การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) เช่น การโพสต์เรื่องราวหรือบทความในเว็บไซต์, การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์โดยแนบไฟล์(attach), การโพสต์ใน Facebook, การส่งข้อความหรือไฟล์ในแอปพลิเคชั่นไลน์(Line), การปลอมจดหมายเล็กทรอนิกส์ของธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อหลอกลวงประชาชน, การปลอมหน้าเว็บ internet banking เพื่อหลอกลวงประชาชน เป็นต้น


2) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หมายความว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดแผกไปจากความจริง หรือ เป็นจริงบางส่วนแต่ไม่จริงทั้งหมด หรือ มีบางส่วนไม่ตรงจากความจริง หรือไม่ยอมบอกความจริงที่ควรบอกให้แจ้งทำให้เกิดความสำคัญผิด แต่ไม่มีข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นเท็จหรือไม่มีข้อความที่เป็นเท็จ

ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมทั้งหมด หมายความว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ถูกทำขึ้นทั้งหมด โดยผู้กระทำต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง (ต้องมิใช่กรณีที่ผู้กระทำต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจว่า เป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ของตน)

ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมบางส่วน หมายความว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางส่วน บางส่วนจริง บางส่วนปลอมขึ้นใหม่

ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หมายความว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่ตรงกับความจริงทั้งหมด ฝ่าฝืนต่อความจริง อาจจะเป็นเท็จทั้งหมด หรือเป็นเท็จบางส่วน


3) โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

เป็นพฤติการณ์ประกอบการกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายได้ แม้จะยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริง พิจารณาจากความรู้ความเข้าใจของวิญญูชนทั่วไป ถ้าวิญญูชนทั่วไปเห็นว่า น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน แม้ว่าผู้กระทำจะไม่รู้ว่าน่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริง ก็ตาม

ดังนั้น แม้จะยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงแต่หากผู้กระทำได้กระทำครบองค์ประกอบความผิดตาม มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) แล้ว ผู้กระทำย่อมมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1)

  • แต่หากการกระทำตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) มิได้กกระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำตต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้กระทำ ผู้เผยแพร่ หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าว มีความผิดตามมาตรา 14 วรรคสอง และเป็นความผิดอันยอมความได้ แต่ต้องมิใช่การกระทำอันมีลักษณะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา


4) อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

หมายความว่า ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ต้องไม่ใช่ความผิดตามผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 หรือ มาตรา 328

  • พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มุ่งคุ้มครองประโยชน์สาธารณะของประชาชน เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น การจะพิจารณาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 หรือไม่ ต้องพิจารณาด้วยว่า การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมทั้งหมดหรือบางส่วน หรือเป็นเท็จ นั้น จะต้องเป็นกรณีโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เท่านั้น ไม่ใช่เป็นกรณีก่อให้เกิดความเสียบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะ

= หากเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลอื่น ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 หรือมาตรา 328 แล้ว ก็ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1)


5) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง

= เป็นเจตนาพิเศษ หรือมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด

โดยทุจริต ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น จากการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือน ปลอม หรือเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

โดยหลอกลวง ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) หมายถึง การแสดงข้อความหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือน หรือปลอมทั้งหมดหรือบางส่วน หรือเป็นเท็จ เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อตามข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ได้นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์


6) เจตนา

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง บัญญัติว่า "กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น"

ดังนั้น เจตนา ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) หมายถึง เจตนานำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือน หรือปลอม หรือเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

และผู้กระทำต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด กล่าวคือ ผู้กระทำต้องรู้ว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น บิดเบือน ปลอม หรือเป็นเท็จ หากผู้กระทำไม่รู้ว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ปลอม หรือเป็นเท็จ = ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้ = ผู้กระทำไม่ได้มีเจตนา ดังนั้น ผู้กระทำไม่มีความผิด


บทความที่เกี่ยวข้อง